Bangpakok Hospital
  • A
  • A
  • A
BPK Hotline

ไส้ติ่งอักเสบ อาการปวดท้องที่ไม่ควรมองข้าม

10 ธ.ค. 2567


ไส้ติ่งคืออะไร อยู่ตรงส่วนไหนของร่างกาย ?
     ไส้ติ่งเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย ติดกับลำไส้ใหญ่ส่วนต้น ใกล้จุดที่ลำไส้เล็กมาต่อเข้ากับลำไส้ใหญ่ อยู่บริเวณท้องด้านขวาล่าง เป็นติ่งยื่นออกมาจากกระเปาะลำไส้ใหญ่ ลักษณะเป็นท่อปลายตัน ความสำคัญของไส้ติ่ง ถ้าเป็นสัตว์กินพืชอย่างกระต่ายจะช่วยย่อยเซลลูโลสหรือไฟเบอร์ผัก แต่มนุษย์เราไม่สามารถย่อยได้ แต่ไส้ติ่งก็ยังมีหน้าที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และสะสมเชื้อแบคทีเรียที่ช่วยในระบบการย่อยอาหาร

แล้วไส้ติ่งเกิดการอักเสบได้อย่างไร ?

     ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) เป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบของไส้ติ่ง ซึ่งเป็นอวัยวะเล็กๆ รูปทรงคล้ายนิ้วมือที่ยื่นออกมาจากลำไส้ใหญ่ส่วนต้น  แม้ว่าแพทย์ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงหน้าที่ของไส้ติ่ง แต่การอักเสบของมันสามารถก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงและอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

อาการเมื่อไส้ติ่งเกิดการอักเสบจะเป็นอย่างไร ?

     1. มีอาการปวดท้อง

          1.1. เริ่มจากอาการปวดท้องรอบๆ บริเวณสะดือ (Periumbilical region) แล้วค่อยๆ ย้ายไปที่ด้านขวาล่างของท้อง (บริเวณไส้ติ่ง) ซึ่งเป็นจุดที่มีอาการปวดมากที่สุด

          1.2. อาการปวดอาจรุนแรงขึ้นเมื่อเคลื่อนไหวหรือสัมผัสบริเวณท้อง

     2. เบื่ออาหาร ความอยากอาหารหายไปอย่างมาก เนื่องจากอาการปวดท้องและการอักเสบ

     3. คลื่นไส้และอาเจียน อาจมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนร่วมกับการปวดท้อง

     4. มีไข้ อาจมีไข้ต่ำหรือไข้สูงได้เนื่องจากการติดเชื้อหรือการอักเสบที่เกิดขึ้น

     5. ท้องผูกหรือท้องเสีย ในบางรายอาจมีอาการท้องผูกหรือท้องเสียร่วมด้วย

ปวดท้องแบบไหนควรไปพบแพทย์ ?

     หากคุณมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณด้านล่างขวาของช่องท้อง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที  อย่ารอให้อาการแย่ลง เพราะการอักเสบของไส้ติ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น

     ไส้ติ่งแตก  หากไส้ติ่งแตก หนองและแบคทีเรียจะไหลเข้าไปในช่องท้อง ทำให้เกิดการติดเชื้อร้ายแรง  อาจนำไปสู่ภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis) ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายถึงชีวิต

     การติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis)  การติดเชื้อรุนแรงที่อาจทำให้เกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตได้

     การอุดตันของลำไส้  หนองจากไส้ติ่งที่แตกอาจไปอุดตันลำไส้ได้

การวินิจฉัยและการรักษา

     แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและอาจสั่งตรวจเลือดหรือตรวจภาพทางการแพทย์ เช่น อัลตราซาวนด์ หรือ CT scan เพื่อยืนยันการวินิจฉัย  การรักษาไส้ติ่งอักเสบส่วนใหญ่จะทำการผ่าตัดเอาไส้ติ่งออกโดยจะมีการผ่าตัดเพื่อรักษา 2 แบบ คือ
     1. ผ่าไส้ติ่งแบบเปิด ไส้ติ่งอักเสบกรณียังไม่แตก แผลจะอยู่บริเวณ ขวาล่างเป็นได้ทั้งแบบตรงและแบบเฉียง กรณีวินิจฉัยว่าไส้ติ่งแตกกระจาย การผ่าตัดจะลงแผลยาวกลางท้องเพื่อง่ายต่อล้างสิ่งสกปรกและหนองที่แตกกระจายในช่องท้อง
     2. คือผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้อง แผลจะเล็ก มี 1-3 แผล ประมาณ 1 เซนติเมตรบริเวณสะดือ เพื่อใส่กล้องและอุปกรณ์เข้าไปผ่าตัด วิธีนี้จะสามารถผ่าได้ในกรณีที่ไส้ติ่งยังไม่แตก หรือแตกแล้วก็ได้

การดูแลหลังการผ่าตัด
     1. ในช่วงแรกถ้าเป็นแผลผ่าตัดเปิดใหญ่ กล้ามเนื้อจะถูกตัดไปด้วยส่วนหนึ่ง หลังเย็บแผลกล้ามเนื้อจะไม่แข็งแรง ให้หลีกเลี่ยงการทำงานหนัก ยกของหนัก เพื่อไม่ให้เกิดไส้เลื่อนแผลผ่าตัด
     2. รับประทานยาฆ่าเชื้อตามที่แพทย์สั่ง
     3. ติดตามผล และตัดไหม
     4. ทำการเช็กผลชิ้นเนื้อว่าไส้ติ่งที่ส่งตรวจว่ามีเนื้อร้ายหรือไม่

     ไส้ติ่งอักเสบเป็นภาวะที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที  หากคุณมีอาการที่สงสัยว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ  ควรรีบมาพบแพทย์ทันที  เนื่องจากการรักษาที่รวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงและช่วยให้คุณหายเป็นปกติได้อย่างปลอดภัย

 

สนับสนุนข้อมูลโดย : นพ. จักรกฤษ อุ้ยนิรันดรกุล แพทย์เฉพาะทางด้านสาขาศัลยศาสตร์ทั่วไปและการผ่าตัดผ่านกล้อง

ศูนย์การแพทย์ :  ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป ชั้น 1 โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1745 ต่อ ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.