เด็กติดจอมากเกินไป อาจเสี่ยงมีภาวะสมาธิสั้น จริงหรือไม่ ?

เด็กติดจอมากเกินไป อาจเสี่ยงมีภาวะสมาธิสั้น จริงหรือไม่ ?
จริงค่ะ การที่เด็กดูสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น
- โทรศัพท์
- ไอแพด
- โทรทัศน์ มากเกินไป สามารถทำให้เด็กมีปัญหาขาดสมาธิ เช่น วอกแวกง่าย ไม่จดจ่อ ไม่มีสมาธิได้
แต่ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่า การที่เด็กดูสื่ออิเล็กทรอนิกส์มากเกินไป ไม่ได้ทำให้เด็กเป็น “โรค” ซนสมาธิสั้น (ADHD) ได้โดยตรง เนื่องจากในปัจจุบันเราทราบแล้วว่า โรคซนสมาธิสั้น (ADHD) เกิดจากการทำงานของสารสื่อประสาทในสมองที่ช่วยกำกับในเรื่องสมาธิ ทำงานได้น้อยกว่าปกติ แต่การดูสื่ออิเล็กทรอนิกส์มากเกินไป สามารถทำให้เด็กปกติมีอาการขาดสมาธิได้จนดูเหมือนเป็นโรคได้ รวมถึงถ้าเด็กเป็นโรคซนสมาธิสั้น (ADHD) อยู่แล้ว ก็จะยิ่งมีอาการที่รุนแรงขึ้นค่ะ
เนื่องจากการดูสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ถ้าคุณพ่อคุณแม่สังเกต หน้าจอจะเปลี่ยนเร็วมากๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งดึงดูดและกระตุ้นเด็กเป็นอย่างมาก ทำให้เด็กอาจจะสามารถนั่งดูสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้เป็นเวลานานๆ โดยไม่ต้องใช้การควบคุมหรือพยายามที่จะต้องใช้สมาธิเลย ซึ่งแตกต่างจากการทำกิจกรรมในชีวิตจริง เช่น การอ่านหนังสือ การฟังครูในห้องเรียน ซึ่งเด็กต้องพยายามสร้างสมาธิขึ้นมาเองค่ะ
วันนี้เรามาดูวิธีกันดีกว่าค่ะ ว่าเราจะมีวิธีแก้ไขเบื้องต้นอย่างไรได้บ้าง
1.ในกรณีเด็กเล็ก เช่น เด็กอายุน้อยกว่า 3 ปีที่ยังอาจไม่สามารถเข้าใจกติกาที่ตกลงกันได้ชัดเจน แนะนำให้
- เริ่มให้ช้าที่สุดค่ะ หน้าจอกับเด็กเล็กไม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการได้เลย อีกทั้งจะยิ่งทำให้พัฒนาการช้าค่ะ
- เอาออกจากสายตา เด็กเล็กยังไม่เข้าใจเหตุผล ว่าตอนนี้ยังดูหน้าจอไม่ได้ ดูครบเวลาแล้วควรจะหยุด ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือไม่ให้เด็กเห็น เช่น ทีวีที่บ้านถอดปลั๊กได้เลยค่ะ (ถ้าเด็กกดแล้วเปิดไม่ได้จะร้องบ้างในช่วงแรก แต่ส่วนใหญ่ไม่เกิน 1 สัปดาห์จะหยุดร้องค่ะ) และผู้ใหญ่ต้องหลีกเลี่ยงการใช้หน้าจอ เช่น โทรศัพท์ iPad ต่อหน้าเด็กๆ
- หากิจกรรมทดแทน เด็กเล็กให้เล่นของเล่นอื่น หรือพาออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านจะช่วยได้มากเลยค่ะ
2.ในกรณีเด็กโต ที่เริ่มเข้าใจกติกาที่ตกลงกันได้แล้ว แนะนำให้กำหนดกติกาโดยหมออยากให้คุยและฟังเด็กเยอะๆค่ะ ถ้าเรารับฟังและให้เด็กมีส่วนร่วมในการกำหนดกติการ่วมด้วย เด็กจะอยากร่วมมือมากขึ้น ถ้ากติกาไหนเราไม่สามารถตามใจเด็กได้ ให้อธิบายเหตุผลกับเด็กด้วย เพราะอะไรเราถึงตามใจไม่ได้
- กำหนดกติกา หลักๆมี 4 ข้อ
1. ระยะเวลา เช่น 30 นาที ควรเป็นช่วงเวลาเดิมๆทุกวัน เช่น ตอนเย็น 18.30 -19.00 น.(ปรับให้เข้ากับกิจกรรมของแต่ละบ้าน)
2. ต้องทำงานของตนให้เสร็จก่อน ได้แก่ กิจวัตรส่วนตัว อาบน้ำ กินข้าว การบ้าน จัดกระเป๋า และ งานบ้านในส่วนของตนเอง (ถ้ามี)
3. ดูอะไรได้บ้าง ตรงนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูเนื้อหาของสื่อให้เหมาะกับวัยด้วยนะคะ ไม่มีเนื้อหาก้าวร้าวรุนแรง
4. ถ้าทำผิดกฎจะเกิดอะไรขึ้น เช่น งดดูในวันต่อไป แล้วเราต้องกำหนดให้ได้ตามนั้นค่ะ
- หากิจกรรมทดแทน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมหลังเลิกเรียน ดนตรี กีฬา ศิลปะ หรือพาไปสนามเด็กเล่นใกล้บ้านวิ่งให้หัวเปียก ตรงนี้จะช่วยเด็กมากเลยค่ะ ถ้ามีอะไรสนุกอย่างอื่นทำ เด็กจะติดจอลดลง
หมอหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองทุกท่าน ลองทำกันดูกันนะคะ
สนับสนุนข้อมูลโดย : พ.ญ.มุทิตา ช่างภิญโญ กุมารแพทย์พัฒนาการและพฤติกรรม
ศูนย์การแพทย์ : ศูนย์พัฒนาการเด็ก ชั้น 2 โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 1745 ต่อ ศูนย์พัฒนาการเด็ก