เตรียมพร้อมลูกน้อยไปโรงเรียน...โรคในเด็กที่ต้องระวังช่วงเปิดเทอม

ช่วงเปิดเทอมต้นปีแบบนี้ ในเดือนพฤษภาคม ถือเป็นเวลาที่เด็กๆ ต้องกลับเข้าสู่บรรยากาศของการเรียนในห้องเรียน พบเจอเพื่อนๆ คุณครู และกิจกรรมมากมายในรั้วโรงเรียน ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเด็กๆ และครอบครัว แต่ก็เป็นช่วงที่ผู้ปกครองต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษในเรื่องของ สุขภาพ เพราะการรวมกลุ่มของเด็กจำนวนมาก เช่น สนามเด็กเล่น ห้องเรียน ห้องน้ำ โรงอาหาร หรือแม้แต่รถรับ-ส่งนักเรียน ล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ง่าย
โดยเฉพาะโรคที่พบบ่อยในเด็กช่วงเปิดเทอม ได้แก่
โรคโควิด 19 ขณะนี้ถือว่าจบแล้ว จากโรคระบาดร้ายแรงได้เปลี่ยนเป็นโรคทางเดินหายใจประจำฤดูกาล โอกาสที่ติดต่อกันในเด็กนักเรียน โดยเฉพาะในฤดูฝน จะเกิดขึ้นได้ง่ายมาก การปฏิบัติตนจึงเหมือนกับโรคทางเดินหายใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเน้นเรื่องการล้างมือ ทำความสะอาดมือตามขั้นตอนต่างๆ ที่เคยปฏิบัติกันมา เด็กปกติไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากากอนามัย จะใส่หน้ากากอนามัยในเด็กป่วยโรคทางเดินหายใจ หรือเพิ่งหายป่วย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค เด็กส่วนใหญ่มีภูมิจากการที่เคยติดเชื้อหรือวัคซีนมาแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนเพิ่มเติมอีก
โรคทุกโรคป้องกันได้ควรจะได้รับการป้องกัน วัคซีน เป็นวิธีหนึ่งในการป้องกันโรค ผู้ปกครองควรตรวจสอบ สมุดวัคซีนว่าได้ครบตามเกณฑ์หรือไม่ หรือปรึกษาแพทย์ที่ดูแลประจำว่าควรฉีดวัคซีนให้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด
วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก และโปลิโอส่วนใหญ่จะให้กันในวัยเด็ก และเข็มสุดท้ายที่ให้ส่วนใหญ่จะเป็น 4-6 ขวบ ดังนั้นโดยทั่วไปจะแนะนำให้ให้วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก ชนิดเด็กโตหรือผู้ใหญ่ทุก 10 ปี โดยเฉพาะอายุที่ลงท้ายด้วยเลข 0 เช่น 10 ขวบ 20 ปี ดังนั้นเด็กในช่วง 10-12 ปีควรจะได้รับการกระตุ้นอีก 1 ครั้ง เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานโดยเฉพาะต่อ ไอกรน ที่อาจจะมีการระบาดที่โรงเรียนได้
ไข้หวัดใหญ่ เป็นอีกโรคหนึ่งที่จะระบาดมาก ในเด็กนักเรียน โดยเฉพาะในเทอมแรก ดังนั้นก่อนเปิดเทอมเด็กนักเรียน ควรจะได้รับวัคซีน ป้องกันไข้หวัดใหญ่ ถึงแม้ประสิทธิภาพจะไม่ได้สูงนัก แต่สามารถลดความรุนแรงของโรค และวัคซีนราคาไม่แพงมาก รวมทั้งอาการข้างเคียงต่ำ
ในเด็กหญิงโดยเฉพาะวัยประถมศึกษาปีที่ 5 ทางกระทรวงสาธารณสุขจะมีการให้วัคซีน ไวรัส HPV ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในอนาคต
โรคสุกใส จะระบาดในเด็กนักเรียนได้โดยเฉพาะฤดูหนาว ถ้ามีความเป็นไปได้ (เพราะจะต้องเสียเงินเอง) ก็ควรจะได้รับวัคซีนให้ครบ โดยวัคซีนนี้จะต้องให้ 2 ครั้ง
สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือโรคหัด ผู้ปกครองทุกคนควรตรวจสอบว่าเด็กได้รับวัคซีน หัด หัดเยอรมัน และคางทูม มาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง ถ้าได้รับเพียงครั้งเดียว ก็ขอให้กระตุ้นอีก 1 ครั้ง
โรค RSV ถือว่าเป็นโรคที่พบบ่อย เป็นแล้วเป็นอีกได้ บางคนเป็นเกือบทุกปี ในเด็กแข็งแรงที่เข้าสู่ชั้นอนุบาลแล้ว ถือว่าโตพอแล้ว ไม่มีวัคซีนในขณะนี้ ถึงแม้จะมีภูมิต้านทานชนิดฉีด ในเด็กที่แข็งแรงที่จะเข้าโรงเรียน ก็ไม่มีความจำเป็น
และที่สำคัญ ผู้ปกครองควรตรวจสอบว่าวัคซีนพื้นฐานของลูกได้รับครบถ้วนหรือยัง รวมถึงสามารถปรึกษาแพทย์เรื่องวัคซีนเสริม เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ เพื่อเพิ่มเกราะป้องกันให้ลูกน้อยในช่วงที่มีการระบาดของโรค การส่งลูกไปโรงเรียนในแต่ละเทอม ไม่ใช่แค่การเตรียมหนังสือและชุดนักเรียนเท่านั้น แต่การเตรียม “สุขภาพ” ให้พร้อม ก็เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญ ที่ช่วยให้ลูกได้เรียนรู้และเติบโตได้อย่างแข็งแรง ก็จะเป็นการลดการระบาดของโรคสำคัญต่างๆลงได้ และการเรียนของบุตรหลานก็จะได้ราบรื่น ไม่ต้องมีการปิดโรงเรียนเพราะโรคระบาด โดยปลอดภัยจากโรคต่างๆ ที่มากับการเปิดเทอม
สนับสนุนข้อมูลโดย : ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ แพทย์เฉพาะทางกุมารเวชศาสตร์โรคตับ ทางเดินอาหาร และโรคไวรัส
ศูนย์การแพทย์ : ศูนย์กุมารเวชกรรม โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1745 ต่อ ศูนย์กุมารเวชกรรม