หายใจลำบาก หายใจไม่อิ่ม รู้สึกหายใจไม่เต็มปอด อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่างๆ
หายใจลำบาก หายใจไม่อิ่ม รู้สึกหายใจไม่เต็มปอด อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่างๆ
อาการหายใจไม่อิ่มหรือหายใจไม่เต็มปอด (Shortness of breath หรือ Dyspnea) เป็นหนึ่งในอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ป่วยหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ หรือแม้แต่โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบอื่น ๆ ในร่างกาย เมื่อเกิดอาการหายใจไม่เต็มปอดหรือรู้สึกไม่อิ่มจากการหายใจ มักจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกวิตกกังวลว่าอาจเป็นอาการของโรคร้ายแรง ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงสาเหตุของอาการดังกล่าวจึงเป็นสิ่งสำคัญ
อาการหายใจไม่อิ่มเป็นอย่างไร ?
1. รู้สึกเหนื่อยง่าย แม้จะทำกิจกรรมเล็กน้อยก็รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก
2. หายใจเร็วขึ้น หายใจถี่และตื้นกว่าปกติ อาจสังเกตเห็นการหายใจที่เร็วและแรงขึ้น
3. หายใจหอบ รู้สึกหายใจไม่สะดวก เหมือนมีอะไรมาอัดแน่นที่หน้าอก อาจมีเสียงหวีดหรือเสียงดังเวลาหายใจ
4. เจ็บหน้าอก อาจมีอาการเจ็บแน่นหรือตึงที่หน้าอก โดยเฉพาะเวลาหายใจเข้าลึกๆ
5. รู้สึกอึดอัดหรือหายใจไม่เต็มปอด เหมือนมีอะไรมาบีบรัดที่หน้าอก
6. หัวใจอาจเต้นเร็วกว่าปกติ เพื่อพยายามชดเชยการขาดออกซิเจน
7. เวียนหัวหรือมึนงง อาจเกิดจากการขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
8. ในกรณีที่รุนแรง อาจทำให้หมดสติได้
สาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการหายใจไม่อิ่ม
อาการหายใจไม่อิ่มสามารถเกิดจากหลายสาเหตุที่แตกต่างกัน ทั้งจากปัญหาของระบบทางเดินหายใจ หรือระบบอื่นๆ ในร่างกาย ดังนี้
1. โรคปอดและระบบทางเดินหายใจ
1.1 โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) หรืออาจรู้จักกันทั่วไปในชื่อ ถุงลมโป่งพอง เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของปอดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ปอดมีการอุดกั้นไม่สามารถขยายตัวเต็มที่ ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจไม่อิ่ม โดยเฉพาะเมื่อออกแรง ,มีอาการเหนื่อยแม้กระทั่งอยู่เฉยๆหรืออาจรุนแรงถึงขั้นหอบเหนื่อยหายใจลำบากจนหมดสติหากอาการกำเริบฉับพลัน
1.2 หอบหืด (Asthma) โรคหอบหืดเกิดจากการตีบแคบของทางเดินหายใจหลังมีปัจจัยกระตุ้นซึ่งได้แก่ ฝุ่นควัน ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ อากาศเย็น + แห้ง PM2.5 การติดเชื้อไวรัสแบคทีเรีย ซึ่งมักจะทำให้หายใจลำบากและรู้สึกหายใจไม่เต็มปอดอย่างฉับพลันทันทีหากให้การรักษาไม่ทันอาจเสียชีวิตได้ทันที
1.3 โรคปอดบวม (Pneumonia) การติดเชื้อในปอดทำให้เกิดการอักเสบและทำให้ปอดไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ดี ส่งผลให้หายใจไม่อิ่ม มีอาการไอ เหนื่อย เสมหะเปลี่ยนสี
1.4 โรคมะเร็งปอด การเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในปอดอาจทำให้เกิดอาการหายใจลำบากได้ หรือมะเร็งอาจไปกดทับหลอดลมทำให้ลมไม่เข้าปอดได้
2. โรคเกี่ยวกับหัวใจ
2.1 โรคหัวใจล้มเหลว (Heart failure) เมื่อหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การไหลเวียนของเลือดในร่างกายอาจหยุดชะงัก ทำให้เกิดอาการหายใจไม่อิ่มหรือเหนื่อยง่าย นอนราบไม่ได้ ขาบวมกดบุ๋ม
2.2 โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease) เมื่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจมีการตีบหรืออุดตัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย และขาดเลือด อาจทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นและเกิดอาการหายใจไม่อิ่ม
3. ความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น โรคเส้นประสาทส่วนกลางหรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia Gravis) อาจทำให้การควบคุมกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจไม่ดีพอกล้ามเนื้อที่ควบคุมการหายใจอ่อนแรง ส่งผลให้เกิดอาการหายใจไม่เต็มปอด เหนื่อย
ิ 4. ความเครียดและปัญหาจิตใจ อาการหายใจไม่เต็มปอดหรือหายใจลำบากยังสามารถเกิดจากความเครียดหรืออาการวิตกกังวล (Anxiety) การหายใจตื้น (Hyperventilation) ที่เกิดจากความเครียดสามารถทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหายใจไม่อิ่ม แม้ว่าจะไม่มีปัญหาทางร่างกายที่เกิดขึ้น นอกจากภาวะหอบทางอารมณ์ (Hyperventilation Syndrome) จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยล้าแล้วนั้น ยังทำให้เกิดอาการอื่น เช่น ใจสั่นคล้ายจะเป็นลม คล้ายจะเสียชีวิต
5. โรคหรือภาวะอื่นๆ เช่น
5.1. กระดูกอ่อนทรวงอกอักเสบ (Costochondritis )
5.2. กรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease: GERD) เป็นต้น
วิธีการป้องกันอาการหายใจไม่อิ่ม
การป้องกันอาการหายใจไม่อิ่มสามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพและหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของการหายใจไม่สะดวก เช่น
- หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ หากมีประวัติหอบหืดหรือภูมิแพ้ ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจกระตุ้นอาการ เช่น ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ หรือสารเคมี
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายสามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพปอดและระบบทางเดินหายใจ
- การหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ทำให้หายใจลำบาก หากอากาศหนาวจัดหรือมีมลพิษสูง ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีมลพิษหรือที่ที่อากาศไม่บริสุทธิ์ และรวมถึงการหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ การสูบบุหรี่หรือการสัมผัสกับควันบุหรี่
- การฝึกหายใจลึก การหายใจลึกและช้าเป็นวิธีการช่วยให้ระบบหายใจทำงานได้ดีขึ้นและลดความเครียด
- รักษาโรคประจำตัวเดิมให้ดี เช่น ภูมิแพ้จมูก หรือหอบหืด หรือถุงลมโป่งพอง
หายใจแบบไหน...ถึงควรไปพบแพทย์ ?
เนื่องจากอาการเหนื่อย หรือหายใจไม่อิ่มเกิดได้จากหลายสาเหตุดังกล่าวไปข้างต้น ผู้ป่วยทุกรายที่รู้สึกเหนื่อยง่ายหรือหายใจไม่อิ่มควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุทุกราย แม้จะมีหรือไม่มีอาการอื่นๆ หากคุณมีอาการหายใจไม่อิ่มหรือหายใจไม่เต็มปอดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือเกิดขึ้นพร้อมกับอาการอื่น ๆ เช่น เจ็บหน้าอก, หัวใจเต้นเร็ว, บวมที่ขาหรือข้อเท้า, หรือมีอาการเหนื่อยล้าเกินไป ควรรีบพบแพทย์เพื่อการประเมินและการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง
วิธีการรักษาภาวะหายใจไม่อิ่ม
การรักษาภาวะหายใจไม่อิ่มขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ ดังนั้นจะต้องมีการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการอย่างละเอียดก่อนการรักษา เพื่อจะได้รักษาได้อย่างตรงจุด การวินิจฉัยที่ถูกต้องจากแพทย์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด หรือการตรวจอื่นๆ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการหายใจไม่อิ่ม จากนั้นจึงวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
อาการหายใจไม่เต็มปอดหรือหายใจไม่อิ่มอาจเป็นสัญญาณของหลายโรค ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด อย่าละเลยอาการเหล่านี้ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงได้ การวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่ทันท่วงทีจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
หากแพทย์ให้การรักษาไม่ทันท่วงที หรือมาตรวจในช่วงที่อาการเยอะหรือเป็นมานานอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตหลายอย่าง เช่น ในผู้ป่วยที่ปอดถูกทำลายถาวรจะมีอาการเหนื่อยไปตลอดชีวิตไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไป แต่หากมาพบแพทย์ในขณะที่ปอดยังทำงานได้ หรือถูกทำลายไม่มากอาจสามารถแก้ไขให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
สนับสนุนข้อมูลโดย : นพ.สหรัฐ โยธินนรธรรม แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบทางเดินหายใจและภาวะวิกฤติโรคระบบการหายใจ
ศูนย์การแพทย์ : ศูนย์อายุรกรรมเฉพาะทาง โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1745 ต่อ ศูนย์อายุรกรรมเฉพาะทาง