กระดูกสันหลัง…สำคัญกว่าที่คิด
กระดูกสันหลัง นอกจากเป็นโครงสร้างแข็งแรงที่ปกป้องไขสันหลังและเส้นประสาทยังเชื่อมต่อกับกะโหลกศีรษะ กระดูกสะบัก กระดูกเชิงกรานและกระดูกซี่โครง ซึ่งล้วนแต่เป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย
อาการปวดหลังเป็นปัญหาที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน แต่คนส่วนมากกว่าที่จะมาตรวจนั้นมักรอจนปวดแทบทนไม่ไหว โดยคนไข้อาจมีอาการปวดหลังเพียงอย่างเดียวหรือมีอาการปวดแบบอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดร้าวไปไหล่ แขน มือ ขา หรือเท้า หรือชาตามปลายมือปลายเท้า เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ว่าอาการปวดเหล่านี้ที่ดูเผินๆ เหมือนอาการปวดเมื่อยธรรมดานั้นอาจมีสาเหตุมาจากโรคกระดูกสันหลังก็เป็นได้
สัญญาณเตือนรีบมาพบแพทย์
- ปวดร้าวลงขา อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเริ่มมีการกดทับเส้นประสาทของกระดูกสันหลังแล้ว
- ชาที่ขาข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้าง กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง ควบคุมการกลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้ เป็นอาการที่บอกถึงความผิดปกติของเส้นประสาทไขสันหลัง
- ปวดหลังทันทีหลังยกของหนักหรือหกล้มโดนกระแทก อาจมีกระดูกหักหรือในผู้สูงอายุอาจพบกระดูกสันหลังพรุนหักยุบได้
- ปวดหลังอย่างไม่ทราบสาเหตุร่วมกับมีไข้สูง ซีด และร่างกายโดยรวมอ่อนเพลีย อาจมีการติดเชื้อบางอย่าง เช่น แบคทีเรีย และวัณโรคกระดูกสันหลัง หากมีไข้ขึ้นตอนกลางคืน เป็นต้น
- ในผู้ป่วยมะเร็ง การปวดหลังอาจหมายถึงการที่มะเร็งแพร่กระจายลุกลามไปยังกระดูกสันหลังแล้ว หรือในกรณีที่เคยมีประวัติเป็นมะเร็งมาก่อน อาจเป็นอาการที่บอกว่ามะเร็งกลับเป็นขึ้นมาใหม่ที่กระดูก
โรคกระดูกสันหลังที่ไม่ควรมองข้าม…!!
1. กระดูกสันหลังเสื่อมทับเส้นประสาท สำหรับกรณีเด็กเล็กผู้ปกครองอาจสังเกตจากลูกมีอาการไหล่เอียง สะโพกเอียง หากไม่รีบรักษา กระดูกสันหลังจะคดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นควรรีบเข้ารับการรักษาด้วยแพทย์เฉพาะทางตั้งแต่เริ่มสังเกตเห็น
การรักษาสำหรับเด็ก : มีอาการคดน้อยไม่รุนแรงใช้วิธีรักษาแบบไม่ผ่าตัด แต่กรณีที่มีอาการรุนแรงควรรีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการผ่าตัด
พบบ่อยในผู้สูงอายุที่กระดูกบาง อุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้กระดูกสันหลังยุบตัวลงได้
อาการ : มีอาการปวดหลังบริเวณที่กระดูกสันหลัง นั่งนานไม่ได้
การรักษา : ปัจจุบันมีวิธีการรักษาโดยการฉีดซีเมนต์กระดูก (Vertebroplasty) ทำให้กระดูกสันหลังที่ยุบตัวเกิดความมั่นคงทันที อาการปวดจะดีขึ้นและสามารถลุกนั่งได้โดยไม่ปวดหลังผ่าตัด พักฟื้นที่โรงพยาบาลเพียง 1 วัน
โรคกระดูกสันหลัง ป้องกันได้
การป้องกันไม่ให้เป็นโรคกระดูกสันหลังเกิดขึ้นมีหลายวิธี ซึ่งส่วนมากเกี่ยวข้องกับการรักษาท่าทางที่ถูกต้องในชีวิตประจำวันและการดูแลสุขภาพทั่วไปของร่างกาย นอกจากนี้ยังมีการออกกำลังกายที่เหมาะสมและการปฏิบัติตนสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกสันหลัง บางวิธีที่สามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกสันหลังได้ ดังนี้
- รักษาท่าทางที่ถูกต้อง : ท่าทางที่ถูกต้องในทุกกิจกรรมที่ทำจะช่วยลดแรงกดที่กระดูกสันหลังและลดความเครียดในพื้นที่นั้นๆ ตลอดจนลดความเสี่ยงในการเกิดบาดแผลหรือสาเหตุที่เป็นอันตรายต่อกระดูกสันหลังได้
- ออกกำลังกาย : การดำเนินกิจกรรมทางกายเป็นส่วนสำคัญของการป้องกันโรคกระดูกสันหลัง ออกกำลังกายที่เหมาะสมสามารถเสริมแรงของกล้ามเนื้อที่รอบกระดูกสันหลังและช่วยปรับสมดุลของร่างกาย
- รักษาน้ำหนักสมดุล : การรักษาน้ำหนักที่เหมาะสมสามารถลดแรงกระทำที่กระดูกสันหลัง นอกจากนี้ การดูแลน้ำหนักให้สมดุลย์ยังช่วยลดภาระที่บนกระดูกสันหลัง
- การเลือกที่นั่งที่เหมาะสม : เลือกที่นั่งที่สนับสนุนกระดูกสันหลังให้ดี และรักษาท่าทางที่ถูกต้องเมื่อนั่ง.
- การปฏิบัติตนที่ดี : ปฏิบัติตนที่ดีในกิจกรรมประจำวัน เช่น การยกของให้ถูกวิธี การเคลื่อนไหวที่มีการตรวจสอบท่าทาง และการป้องกันการบาดเจ็บ
- การดูแลสุขภาพทางจิต : ความเครียดและภาวะจิตเวชมักมีผลต่อสุขภาพทั่วไปของร่างกาย การดูแลสุขภาพทางจิตสามารถช่วยลดความเครียดและอาจมีผลต่อการป้องกันโรคกระดูกสันหลัง
การป้องกันโรคกระดูกสันหลังเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญตลอดเวลา เนื่องจากมีผลต่อคุณภาพชีวิตทั้งทางกายและจิตใจของบุคคล ถ้าคุณมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพกระดูกสันหลังหรือมีอาการที่ไม่ปกติ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางการแพทย์เพื่อการประเมินและการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
สิ่งที่ไม่ควรทำ หากไม่อยาก “ปวดหลัง”
- การนั่งหลังงอ หลังค่อม ติดต่อกันนานๆ เป็นชั่วโมง ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งค้างเกิดการคั่งของกรดแลกติค มีอาการเมื่อยล้าปวดกระดูกผิดรูปตามมา
- การนั่งเบาะเก้าอี้ไม่เต็มก้น ทำให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนัก เพราะฐานในการรับน้ำหนักตัวแคบ
- การยืนแอ่นพุง/หลังค่อม ควรยืนหลังตรง แขม่วท้องเล็กน้อย เพื่อเป็นการรักษาแนวกระดูกสันหลังช่วงล่างไม่ให้แอ่นและทำให้ไม่ปวดหลัง
- การใส่ส้นสูงเกิน 1 นิ้วครึ่ง จะทำให้แนวกระดูกสันหลังช่วงล่างแอ่นมากกว่าปกติ ซึ่งจะนำมาสู่อาการปวดหลัง
- การสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียว ไม่ควรสะพายกระเป๋าข้างใดข้างหนึ่งต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนเป็นการถือกระเป๋า โดยใช้ร่างกายทั้ง 2 ข้างให้เท่าๆ กัน อย่าใช้แค่ข้างใดข้างหนึ่งตลอด เพราะจะทำให้ต้องทำงานหนักอยู่เพียงซีกเดียว ส่งผลให้กระดูกสันหลังคดได้
- การหิ้วของหนักด้วยนิ้วบ่อยๆ จะมีผลทำให้มีพังผืดยึดตามข้อนิ้วมือ
สนับสนุนข้อมูลโดย : นพ.กลยุทธ ตัณนิติศุภวงษ์ แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมกระดูกและข้อ
ศูนย์ศูนย์ศัลยกรรมกระดูก กล้ามเนื้อ ข้อเข่า ข้อไหล่ และสะโพก โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1745