ผ่าตัดลดความอ้วนแบบใหม่ไร้รอยแผล
สำหรับใครที่อยากจะลดน้ำหนัก ลดความอ้วน หรือควบคุมน้ำหนัก แต่ยังตามใจปากอยู่ ควบคุมอาหารไม่ได้ และไม่อยากผ่าตัด ปัญหานี้จะหมดไปด้วยนวัตกรรมใหม่แห่งการลดความอ้วน ด้วยวิธีการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ซึ่งตัวบอลลูนที่ใส่ลงในกระเพาะอาหารจะทำให้รู้สึกอิ่มตลอดเวลา และจะทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลงกว่าเดิม มีภาวะแทรกซ้อนน้อยโดยเฉลี่ยสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 20-30 กิโลกรัม ภายใน 1 ปี วิธีนี้มีมานานแล้วและเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ
ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัด
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากกว่าน้ำหนักตัวมาตรฐาน ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 40 กก./ตร.ม. ขึ้นไป
- ผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) 35 กก./ตร.ม. ขึ้นไป ร่วมกับมีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง อาการหยุดหายใจขณะนอนหลับ อาการปวดข้อเนื่องจากรับน้ำหนักตัวมากเกินไป
การเตรียมตัวก่อนใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
โดยส่วนใหญ่เป็นที่รู้กันว่าภาวะแทรกซ้อนจากการทำ Gastric Balloon คือ อาการคลื่นไส้ อาเจียน อึดอัดท้อง ผู้ป่วยที่จะทำต้องตระหนักและยินดีที่จะรับอาการเหล่านี้ โดยจะมีอาการอยู่ 1 – 3 วันหลังทำ โดยแจ้งผู้ป่วยให้ทราบว่าจะมีการให้ยาแก้อาการคลื่นไส้ซึ่งเป็นการบรรเทาอาการที่ดีที่สุด มีการเริ่มรับประทานยายับยั้งการสร้างกรดในกระเพาะอาหารโดยให้รับประทาน 2 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ และรับประทานต่อเนื่องทุกวันหลังจากทำเป็นเวลา 1 ปี เพื่อลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร เพื่อยืดอายุการใช้งานบอลลูน เน้นให้ผู้ป่วยทราบถึงความสำคัญของการหลีกเลี่ยงยากลุ่ม NSAIDs และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
โดยส่วนใหญ่เป็นที่รู้กันว่าภาวะแทรกซ้อนจากการทำ Gastric Balloon คือ อาการคลื่นไส้ อาเจียน อึดอัดท้อง ผู้ป่วยที่จะทำต้องตระหนักและยินดีที่จะรับอาการเหล่านี้ โดยจะมีอาการอยู่ 1 – 3 วันหลังทำ โดยแจ้งผู้ป่วยให้ทราบว่าจะมีการให้ยาแก้อาการคลื่นไส้ซึ่งเป็นการบรรเทาอาการที่ดีที่สุด มีการเริ่มรับประทานยายับยั้งการสร้างกรดในกระเพาะอาหารโดยให้รับประทาน 2 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ และรับประทานต่อเนื่องทุกวันหลังจากทำเป็นเวลา 1 ปี เพื่อลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร เพื่อยืดอายุการใช้งานบอลลูน เน้นให้ผู้ป่วยทราบถึงความสำคัญของการหลีกเลี่ยงยากลุ่ม NSAIDs และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
โดยการให้ยาระงับความรู้สึก และส่องกล้องผ่านทางปากเข้าไปยังกระเพาะอาหาร แล้วจึงทำการเติมน้ำในบอลลูนประมาณ 400 – 500 ซีซี โดยใส่ไว้ได้นานถึง 1 ปี ระหว่างคอร์สของการรักษาสามารถทำการปรับเพิ่ม หรือลดขนาดของบอลลูนเพื่อความเหมาะสมได้อีกด้วย ขั้นตอนการใส่ การปรับขนาด และการนำบอลลูนออก ทั้งหมดทำโดยการส่องกล้องไม่มีการผ่าตัด และไม่มีแผลเกิดขึ้น หลังทำการใส่บอลลูนสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติในวันถัดไป
โดยการให้ยาระงับความรู้สึก และส่องกล้องผ่านทางปากเข้าไปยังกระเพาะอาหาร แล้วจึงทำการเติมน้ำในบอลลูนประมาณ 400 – 500 ซีซี โดยใส่ไว้ได้นานถึง 1 ปี ระหว่างคอร์สของการรักษาสามารถทำการปรับเพิ่ม หรือลดขนาดของบอลลูนเพื่อความเหมาะสมได้อีกด้วย ขั้นตอนการใส่ การปรับขนาด และการนำบอลลูนออก ทั้งหมดทำโดยการส่องกล้องไม่มีการผ่าตัด และไม่มีแผลเกิดขึ้น หลังทำการใส่บอลลูนสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติในวันถัดไป
ผลลัพธ์ของการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารเป็นอย่างไร
น้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่อง ตัวบอลลูนจะทำหน้าที่ลดความจุของกระเพาะอาหาร และยังช่วยชะลอการผ่านของอาหาร ทำให้อิ่มเร็ว และอิ่มนานขึ้นอีกด้วย โดยจะสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 30 -40% ของน้ำหนักส่วนเกิน หรือประมาณ 20 – 30 กิโลกรัมในเวลา 1 ปี
น้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่อง ตัวบอลลูนจะทำหน้าที่ลดความจุของกระเพาะอาหาร และยังช่วยชะลอการผ่านของอาหาร ทำให้อิ่มเร็ว และอิ่มนานขึ้นอีกด้วย โดยจะสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 30 -40% ของน้ำหนักส่วนเกิน หรือประมาณ 20 – 30 กิโลกรัมในเวลา 1 ปี
ประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับคนไข้โรคอ้วนร่วมกับโรคประจำตัว
โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หลังใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารโรคประจำตัวจะดีขึ้นเป็นอย่างมาก
โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หลังใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารโรคประจำตัวจะดีขึ้นเป็นอย่างมาก
สนับสนุนข้อมูลโดย : นพ. จักรกฤษ อุ้ยนิรันดรกุล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาศัลยศาสตร์ทั่วไปและการผ่าตัดผ่านกล้อง โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ : ศูนย์ผ่าตัดโรคอ้วนและโดยการส่องกล้อง
ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ : ศูนย์ผ่าตัดโรคอ้วนและโดยการส่องกล้อง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร Call Center : 1745