Bangpakok Hospital
  • A
  • A
  • A
BPK Hotline

ภาวะลำไส้ขี้เกียจ ทำไมถึงขี้เกียจ?

22 ก.ย. 2566


ภาวะลำไส้ขี้เกียจคืออะไร?

   ลำไส้ใหญ่ มีหน้าที่ในการดูดซึมสารอาหาร น้ำ และเกลือแร่ บีบตัว ขับกากอาหารออกจากร่างกาย เมื่อลำไส้ทำงานได้ช้าลง จะส่งผลให้ไม่สามารถบีบขับกากอาหารออกมาได้ตรงตามเวลา หรือทำให้มีการขับถ่ายที่ยากขึ้น หรือรู้สึกอยากถ่ายน้อยลง ซึ่งโรคลำไส้ขี้เกียจเกิดจากกล้ามเนื้อ หรือเส้นประสาทของลำไส้นั้นมีการทำงานน้อยลง จึงทำให้มีอาการแน่นท้อง ท้องผูก หรือถ่ายเหลวได้ โดยการวินิจฉัยภาวะนี้จะต้องแยกจากโรคในลำไส้อื่นๆ ที่ต้องมีการรักษาเฉพาะทาง เช่น มะเร็งลำไส้ ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ลำไส้แปรปรวน ภาวะลำไส้ขี้เกียจสามารถเกิดได้กับทุกช่วงอายุ แต่จะพบบ่อยในเพศหญิงและผู้สูงอายุ

อาการแบบไหนที่บ่งบอกได้ว่าลำไส้อาจกำลังขี้เกียจ

อาการจะรุนแรงมากหรือน้อยนั้นจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยอาการจะมีดังต่อไปนี้

  • ถ่ายอุจจาระยาก หรือท้องผูก
  • ถ่ายเหลว
  • ปวดท้อง มีลมในท้อง
  • คลื่นไส้ อาเจียน

ปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะลำไส้ขี้เกียจ

  • โรคในระบบประสาท ที่ส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ เช่น โรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง
  • โรคไทรอยด์ทำงานน้อย
  • ได้ยาแก้ปวด หรือยาอื่นๆ ที่ทำให้ลำไส้ทำงานช้าลง
  • ดื่มน้ำในปริมาณที่ไม่เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่มีกากใยไม่เพียงพอ
  • มีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย

การรักษาภาวะลำไส้ขี้เกียจ

  • การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าวันละ 2 ลิตร หรือ 6-8 แก้วต่อวัน
  • การรับประทานอาหารที่มีกากใยให้เยอะขึ้น เช่น ผัก ผลไม้ อาจเป็นผักต้มสุก 4-5 ทัพพีต่อวัน หรือผักผลไม้สด 8 ทัพพีต่อวัน
  • หลีกเลี่ยงอาหารมัน ของทอด อาหารที่มีไขมันสูง
  • ออกกำลังกายอย่าสม่ำเสมอ เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้
  • ไม่กลั้นอุจจาระ แนะนำให้เข้าห้องน้ำเมื่อปวดทันที หรือในกรณีที่ไม่สามารถเข้าห้องน้ำทันทีได้ ให้สังเกตพฤติกรรมตัวเองว่าจะรู้สึกปวดท้องเข้าห้องน้ำเมื่อไหร่ และคำนวณเวลาเพื่อเตรียมเข้าห้องน้ำในเวลานั้นๆ
  • ปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาใช้ยารักษา เช่น กลุ่มยากระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ กลุ่มยาที่เพิ่มน้ำในอุจจาระ ยาระบาย หรือหากการรักษาด้วยยาไม่ได้ผล อาจพิจารณารักษาด้วยการผ่าตัด

   หากท่านมีอาการขับถ่ายผิดปกติ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุของโรคและรักษาอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผลการรักษาได้ผลดี และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ลดโอกาสการเกิดมะเร็งลำไส้ได้ในอนาคต

สนับสนุนข้อมูลโดย : พญ. พรพรรณ เทียนชนะไชยา แพทย์เฉพาะทางอายุรศาสตร์ระบบทางเดินอาหาร
ศูนย์การแพทย์ : ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1745 ต่อ ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ


Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.