ภูมิแพ้ เริ่มต้นที่คุณแม่ต้องเข้าใจ
การทดสอบภูมิแพ้สำหรับเด็ก (Skin Prick Test)
การวินิจฉัยและการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ชนิดเฉียบพลันนั้น นอกจากการซักประวัติและตรวจร่างกายแล้ว ยังควรทำการทดสอบภูมิแพ้ เพื่อหาสาเหตุที่แพ้ ซึ่งอาจทำได้โดยการตรวจเลือด หรือการทดสอบทางผิวหนัง โดยทั่วไปแล้วนิยมวิธีการทดสอบทางผิวหนัง เพราะทำได้ง่าย รวดเร็ว ไม่เจ็บ ให้ผลทันทีและสิ้นเปลืองน้อยกว่า
ประโยชน์ของการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง
หลักการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคภูมิแพ้นั้น สิ่งที่สำคัญนอกเหนือจากการใช้ยาคือ การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ แต่เนื่องจากรอบตัวคนเรานั้น มีสารก่อภูมิแพ้อยู่มากมาย การที่จะหลีกเลี่ยงให้หมดทุกอย่าง คงทำได้ยาก แต่ถ้าเราทราบว่าเราแพ้สารใดแล้วหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นๆโดยตรง ก็จะทำให้ผลการรักษาโรคดีขึ้น นอกจากนั้นในผู้ป่วยที่ต้องทำการรักษาโดยการฉีดวัคซีนภูมิ แพ้ทุกราย จำเป็นต้องได้รับการทดสอบภูมิแพ้ก่อนว่าแพ้สารใดเพื่อจะได้รักษาด้วยน้ำยา ที่ตรงกับสารที่ผู้ป่วยแพ้ด้วย
ลักษณะอาการของผู้ที่ควรตรวจ
- จามบ่อย น้ำมูกไหล คัดจมูก คันคอ หรือมีเสมหะลงคอ โดยเฉพาะเวลาอากาศเปลี่ยน
- หายใจลำบาก ไซนัสอักเสบ ติดเชื้อบ่อย
- ปวดศีรษะบ่อยๆ เหนื่อยง่ายผิดปกติ ร่วมกับอาการหวัด
- มีผื่นคันที่ผิวหนังแบบเรื้อรัง หรือเป็นลมพิษ โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
- มีอาการเตือนของโรคหอบหืด เช่น หายใจลำบาก แน่นหน้าอก หายใจเสียงดังวี้ด ไอ โดยเฉพาะตอนกลางคืน หรือหลังออกกำลังกาย
- เป็นโรคหอบหืดและอยู่ในระหว่างการรักษา แต่อาการไม่ดีขึ้นและเกิดขึ้นบ่อย
- แพ้อาหาร หรือแพ้ยา แบบเฉียบพลัน
- รับประทานยาAntihistamine หรือยาตัวอื่นๆ แล้วยังไม่ดีขึ้น หรือเกิดผลข้างเคียง เช่น อ่อนเพลีย ง่วงซึม หงุดหงิด
- เคยใช้วิธีอื่นเช่น สมุนไพร รับประทานอาหารแบบแมคโคไบโอติก ฝังเข็ม นวดกดจุด หรืออื่นๆแล้วไม่ได้ผล
น้ำยาที่ใช้ในการทดสอบ
ต้องเป็นน้ำยาที่มีขั้นตอนการผลิตที่ได้มาตรฐาน แยกแต่ละสารก่อภูมิแพ้ออกจากกันเป็นขวดๆ จึงจะให้ผลในการทดสอบที่เชื่อถือได้ ซึ่งในการทดสอบนั้นไม่จำเป็นต้องทดสอบการแพ้ต่อทุกๆสาร แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาทดสอบโดยใช้ชนิดของน้ำยามากน้อยต่างกัน แล้วแต่อายุและประวัติอาการของผู้ป่วยแต่ละรายด้วย โดยน้ำยาที่ใช้ในการทดสอบ เป็นสารสกัดจากสารก่อภูมิแพ้มาทำให้บริสุทธิ์ ซึ่งมีหลายชนิด ตัวอย่างเช่น
- สารสกัดจากไรฝุ่น
- ขนและรังแคของสัตว์ เช่น สุนัข แมว
- เศษซากของแมลงที่อยู่ในบ้าน เช่น แมลงสาบ
- เชื้อราชนิดต่างๆ
- เกสรพืช เช่นหญ้าชนิดต่างๆ
- อาหารที่แพ้ง่าย เช่น นมวัว ไข่ ถั่ว แป้งสาลี อาหารทะเล
การเตรียมตัวก่อนการทดสอบ
- งดยาแก้แพ้ก่อนมารับการทดสอบ 7-10 วัน แล้วแต่ชนิดของยา
- หากมียาประจำตัวอื่น ต้องแจ้งแพทย์ก่อนการทดสอบ
- ยาบางชนิดอาจมีส่วนผสมของยาแก้แพ้ เช่น ยาแก้หวัด ยาลดน้ำมูก ยาแก้คัน ต้องงดก่อนมาทดสอบประมาณ 10 วัน
- ผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยที่รับยาลดกรด หรือยากล่อมประสาทต้องแจ้งชื่อยาที่รับประทานอยู่ให้แพทย์ที่จะทำการทดสอบทราบด้วย เพราะยาบางชนิดต้องงดก่อนทำการทดสอบเป็นเวลานาน
- ควรงดทาโลชั่นและยาทุกชนิดบริเวณที่จะทำการทดสอบ
- ไม่ต้องงดน้ำงดอาหารก่อนมาทดสอบ
วิธีการทดสอบ
ทดสอบโดยการหยดน้ำยาที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ลงบนผิวหนังของผู้ป่วยใช้เข็มสะกิดเบาๆ ผ่านหยดสารและให้อยู่ในชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น โดยไม่ให้มีเลือดออก หลังจากนั้นจึงเช็ดน้ำยาออก รออ่านผล 15 นาที ถ้าผู้ป่วยแพ้สารใดก็จะเกิดปฎิกิริยาเป็นตุ่มนูนแดงที่ผิวหนังตรงตำแหน่งที่ทดสอบต่อ สารนั้นๆ วิธีสะกิด(SPT)นี้ เป็นวิธีการทดสอบทางผิวหนังที่เป็นที่ยอมรับและแนะนำให้ใช้เป็นวิธีแรกที่ในการตรวจวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ชนิดเฉียบพลันโดยทั่วไป เนื่องจากเป็นวิธีที่ปลอดภัย มีโอกาสเกิดปฏิกิริยาการแพ้ที่รุนแรงน้อย ทำได้ง่าย ใช้เวลาอ่านผลไม่นาน
คำแนะนำ
มีอาการแพ้รุนแรง โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะใช้น้ำยาปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น และอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
สนับสนุนข้อมูลโดย : พญ.ธิดารัตน์ พงศ์สิริพิพัฒน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สาขากุมารเวชศาสตร์โรคภูมิแพ้ และภูมิคุ้มกัน
โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1745