“มะเร็ง” โรคร้ายกว่าที่คิด วัยไหนก็เสี่ยง
คุณผู้ชาย | คุณผู้หญิง |
มะเร็งตับและท่อน้ำดี | มะเร็งตับและท่อน้ำดี |
มะเร็งปอด | มะเร็งปากมดลูก |
มะเร็งลำไส้ใหญ่ | มะเร็งเต้านม |
มะเร็งต่อมลูกหมาก | มะเร็งปอด |
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง | มะเร็งลำไส้ใหญ่ |
สาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดมะเร็ง ?
ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งกว่าร้อยละ 90 เป็นสาเหตุจากปัจจัยภายนอก ไม่ใช่เรื่องพันธุกรรมในครอบครัวอย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ ปัจจัยภายนอกที่ว่านั้นคือพฤติกรรมที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง มีดังนี้
- พฤติกรรมการกินเนื้อสัตว์ประเภทปิ้งย่าง อาหารทอด อาหารไขมันสูง หรือรับประทานอาหารแปรรูปต่างๆ
- การสูบบุหรี่
- การดื่มสุรา
- ความเครียด
- การได้รับรังสี
- ติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย พยาธิ
- ความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน
- ความอ้วน
- ไม่ออกกำลังกาย
- ไม่ทานผัก-ผลไม้สด
7 สัญญาณร้าย...บอกความเสี่ยง “โรคมะเร็ง”
1. ระบบขับถ่ายผิดปกติท้องเสีย, ท้องผูก หรือมีอาการสลับกันไปมา ถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด อาจเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก หรือมีอาการปัสสาวะขัด เป็นเลือด ต้องเบ่งแรง อาจจะเป็นมะเร็งระบบทางเดินปัสสาวะ หรือมะเร็งต่อมลูกหมาก
2. แผลเรื้อรัง รักษาไม่หาย
- ช่องปาก เช่น ดื่มสุรา สูบบุหรี่จัด เป็นแผลในปากบ่อยๆ หรือกินหมาก หากเป็นแผลเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์ อาจเป็นมะเร็งช่องปาก
- ผิวหนัง อาจเป็นมะเร็งผิวหนัง
- แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร อาจเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
- เลือดออกหรือตกขาวผิดปกติทางช่องคลอด อาจเป็นมะเร็งปากมดลูก
- เลือดกำเดาไหล เป็นๆ หายๆ อาจเป็นมะเร็งโพรงจมูก
- ถ่ายเป็นเลือด อาจเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
5. กลืนอาหารลำบาก หรือระบบการย่อยผิดปกติ น้ำหนักลด เบื่ออาหารไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นที่มาของมะเร็งหลายโรค
6. มีไฝหรือหูดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ เช่น มีเลือดออก หรือขนาดใหญ่ขึ้น ส่วนใหญ่อาจเป็นมะเร็งผิวหนัง
7. มีอาการไอผิดปกติ เช่น ไอปนเลือด ไอเรื้อรัง หรือเสียงแหบ อาจเป็นมะเร็งปอด, มะเร็งหลอดลม, มะเร็งกล่องเสียง
* หากมีอาการมากกว่า 2 สัปดาห์ ควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
ตรวจพบเร็ว รักษาได้ทันท่วงที
โรคมะเร็งจะเริ่มก่อตัวในร่างกาย มะเร็งบางชนิดอาจไม่มีความผิดปกติให้เห็น ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการหาความผิดปกติในร่างกาย ก็คือการการตรวจคัดกรอง (Screening for cancer) หากเข้ารับการตรวจคัดกรองแล้วพบว่ามีความผิดปกติ รีบเข้ารับการรักษากับแพทย์ตั้งแต่ตรวจพบในระยะต้น จึงอยากให้ทุกคนตระหนักถึงการตรวจคัดกรองโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสุขภาพประจำปีและใส่ใจในการดูแลสุขภาพเพื่อลดการเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
การตรวจคัดกรองมะเร็ง มีดังนี้
- การตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็ง
- การตรวจเอกซเรย์ปอด
- การตรวจแมมโมแกรม และการอัลตร้าซาวด์เต้านม
- การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และการส่องกล้อง
- การทำอัลตร้าซาวด์ช่องท้อง
- การตรวจหาไขมันพอกตับ ด้วยวิธีไฟโบรสแกน
ข้อดีของการตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง
- ตรวจเร็ว รู้เร็ว เพราะกว่าครึ่งของผู้ป่วยโรคมะเร็ง มักตรวจพบในระยะลุกลามแล้ว
- การตรวจด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน และพบแพทย์เฉพาะทาง สามารถวางแผนการดูแลสุขภาพ และการรักษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
การรักษาโรคมะเร็ง
วิธีการรักษามะเร็งที่รู้จักกันทั่วไปและเป็นวิธีการหลัก ๆมี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา (ฉายรังสี,ฉายแสง) ส่วนที่มีการใช้แพร่หลายอย่างมากในปัจจุบัน คือ ยามุ่งเป้าและภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งจะมีข้อบ่งชี้ที่เฉพาะ
1. การผ่าตัดข้อดี :
- สามารถนำก้อนมะเร็งที่มองเห็นออกได้ทั้งหมด
- หากมีเซลล์มะเร็งที่กระจายไป หรือมองไม่เห็น จะยังไม่ได้รับการกำจัดออกร่างกาย ซึ่งจะทำให้กลายเป็นมะเร็งได้อีกครั้ง
- คนไข้ที่มีสภาวะร่างกายไม่พร้อมผ่าตัด
- มะเร็งที่มีขนาดใหญ่มาก หากผ่าตัดออกทั้งหมด อวัยวะที่เหลือไม่เพียงพอที่จะทำงานต่อได้
- บางตำแหน่งผ่าตัดได้ยาก และอาจสูญเสียการทำงานของอวัยวะนั้นๆ เช่น มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งหลังโพรงจมูก เป็นต้น
ข้อดี :
- กำจัดเซลล์มะเร็งในอวัยวะและกระแสเลือดได้ ลดการกระจายของเซลล์มะเร็ง
ข้อจำกัด :
- ไม่สามารถกำจัดก้อนมะเร็งขนาดใหญ่ได้ เพราะยาเข้าไปไม่ทั่วถึงเซลล์มะเร็ง
- ดื้อยาเคมีบำบัด
- อาการข้างเคียงของยาเคมีบำบัดที่ทำให้คนไข้ไม่สุขสบายตัว
ข้อดี :
- หลีกเลี่ยงการผ่าตัดโดยเฉพาะในมะเร็งที่ตอบสนองดีต่อรังสี
- เพิ่มการตอบสนองของยาเคมีบำบัดบางชนิดได้
- บรรเทาอาการปวดจากการลุกลามของมะเร็ง
- บรรเทาภาวะเร่งด่วนบางอย่างจากมะเร็ง เช่น การอุดตันของท่อน้ำดี หรือมะเร็งลามกดทับไขสันหลัง
ข้อจำกัด :
- บางช่วงชีวิตของเซลล์มะเร็งไม่ตอบสนองต่อรังสี ทำให้การฉายรังสีไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
- เชลล์ที่ขาดออกซิเจน จะดื้อต่อรังสี
การใช้วิธีใดวิธีหนึ่งเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่เพียงพอ ด้วยเรื่องตำแหน่งของรอยโรค ระยะของโรค รวมถึงธรรมชาติของโรคนั้น การรักษามะเร็งจึงใช้การรักษาแบบผสมผสาน ตามแต่ลักษณะของโรคและคนไข้ เพื่อหวังการควบคุมโรค และป้องกันการแพร่กระจาย ให้คนไข้หายขาดจากโรคมะเร็ง
สนับสนุนข้อมูลโดย : นพ.สมชัย ลิมปการณ์ แพทย์เฉพาะทางอายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา
ศูนย์อายุรกรรม ชั้น 1 โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. Call Center 1745