วัณโรค..รู้ทัน..ป้องกันได้
วัณโรคเป็นหนึ่งในโรคที่คุ้นหูคนไทยแต่ก็ยังมีคนอีกมากที่ไม่ทราบว่า วัณโรคเป็นโรคติดต่อที่อันตรายและน่ากลัวมากแค่ไหน แต่วัณโรคก็ไม่ใช่โรคที่สกปรกหรือน่ารังเกียจเพราะเป็นโรคท้องถิ่นที่พบได้โดยทั่วไปในประเทศไทย เป็นโรคที่ทุกคนไม่ว่าใครก็สามารถเป็นได้เหมือนกัน แต่ก็สามารถรักษาให้หายได้เช่นกัน
มาทำความรู้จักวัณโรค..!!
- ระยะแฝง (Latent TB)
- ระยะแสดงอาการ (Active TB)
ใครบ้างที่เสี่ยง..!!
- คนที่ภูมิต้านทานไม่ดีหรือภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น คนไข้ที่ได้รับเคมีบำบัดหรือผู้ป่วยเอดส์
- คนขาดสารอาหารหรือโภชนาการไม่ดี ผอม แห้ง อ้วนน้ำหนักเกิน
- คนที่มีประวัติป่วยเป็นโรคปอด อันนี้จะค่อนข้างเสี่ยงมากเพราะว่า หากได้รับเชื้อก็อาจจะทำให้ทรุดหนักได้ทันที
- ชอบสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์
- คนที่อาศัยอยู่ในที่แออัดหรือสถานที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก หรือ คนที่ทำงานในสายอาชีพที่กระตุ้นให้มีโอกาสเกิดวัณโรคได้ง่าย เช่น คนทำเหมืองแร่ คนงานที่ก่อสร้าง อยู่กับหิน กับฝุ่น กับมลพิษ เพราะการใช้ชีวิตแบบนี้จะกระตุ้นให้เกิดวัณโรคได้ง่าย
- ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยเช่น แพทย์ พยาบาล หรือญาติที่ดูแลที่อาศัยร่วมบ้านผู้ป่วยวัณโรค
- เด็กทารกหรือผู้สูงอายุ
อาการแบบไหน..รีบพบแพทย์..!!
- ไข้เรื้อรังต่ำๆ จนอาจไม่ได้สังเกต มักจะเป็นตอนเย็นหรือตอนบ่าย
- เหงื่อออกมากผิดปกติช่วงกลางคืน
- อ่อนเพลียเป็นประจำแม้ว่าจะพักผ่อนเพียงพอ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลงผิดปกติ
- ไอติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ อาจเป็นได้ทั้งแบบไอแห้งๆ ไอมีเสมหะ หรือไอมีเสมหะปนเลือด
- เจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ และหายใจติดขัด
- อาการแทรกซ้อนอาจพบได้ เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ฝีในปอดมีน้ำในช่องหุ้มปอด และหากเชื้อแพร่กระจายสู่อวัยวะอื่นๆ ก็จะกลายเป็นวัณโรคของอวัยวะนั้นๆ
การตรวจรักษา
- หมอก็จะเริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย
- “เอ็กซเรย์ปอด” ซึ่งสำหรับการเอกซเรย์ปอดนี้ จะทำให้พอทราบได้เลยว่า คนไข้เป็นวัณโรคมากน้อยแค่ไหน และหลังจากการเอ็กซเรย์แล้วหากพบว่ามีโอกาสเป็นวัณโรค
- “การเก็บเสมหะ” เพื่อนำมาตรวจพิสูจน์ว่าเป็นวัณโรคชัวร์หรือไม่?
ขั้นตอนของการรักษา..!!
- ให้ยารักษาวัณโรคใช้เวลาในการรักษา 6 - 8 เดือน กินยาจนครบไม่หยุดยาเอง หากมีอาการแพ้ยาควรรีบปรึกษาแพทย์
- ให้การรักษาไปตามอาการเช่น ยาแก้ไอ ยาลดไข้ ยาบำรุงโลหิต (ถ้าซีด) วิตามินรวม (ถ้าเบื่ออาหาร) เป็นต้น
- แพทย์จะนัดติดตามอาการและตรวจเสมหะเป็นระยะ
ถึงแม้วัณโรคจะเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้แต่ก็สามารถกลับเป็นซ้ำได้เช่นกัน ดังนั้น เป้าหมายที่สำคัญในการรักษาคือ รักษาให้หายขาดเพื่อตัดวงจรการแพร่กระจายเชื้อและป้องกันการดื้อยาของเชื้อวัณโรค การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ มีบ้างแต่น้อย เช่น รักษาด้วยวิธีผ่าตัด ซึ่งจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีรอยโรคเฉพาะตำแหน่งหรือรับประทานยาแล้วมีผลข้างเคียงสูง
การป้องกัน..!!
- ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และทานอาหารที่มีประโยชน์
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรคในระยะแสดงอาการ เพราะอาจได้รับเชื้อได้
- รับประทานยาป้องกันตามแพทย์สั่งในรายที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูงแพทย์อาจสั่งจ่ายยาเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยง
- ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อการได้รับวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ ตั้งแต่เด็กจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรคได้
สนับสนุนข้อมูลโดย : พญ.วริศรา พิพัฒน์โชติธรรม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โรคระบบหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ
โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1745