Bangpakok Hospital
  • A
  • A
  • A
BPK Hotline

ห่างไกลมะเร็งลำไส้ แค่ใส่ใจความเสี่ยง

10 มี.ค. 2566


   มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นมะเร็งที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของประเทศไทย และมีอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทยพบผู้ป่วยรายใหม่มากกว่าหนึ่งหมื่นคนต่อปีและมีผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่เสียชีวิตมากกว่าหกพันคนต่อปี
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่สำคัญ ประกอบด้วย

  1. อายุที่มากขึ้น
  2. การมีสมาชิกในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือตรวจพบติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่
  3. โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
  4. การสูบบุหรี่
  5. การดื่มแอลกอฮอล์
  6. การรับประทานอาหารกากใยต่ำ ไขมันสูง
  7. ภาวะอ้วนลงพุง เบาหวาน

   ความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่บางอย่างเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถแก้ไขและป้องกันได้ เช่น อายุที่มากขึ้น หรือการมีสมาชิกในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ปัจจัยเสี่ยงหลายๆอย่างเป็นสิ่งที่เราสามารถแก้ไขได้และป้องกันได้ ไม่ว่าจะเป็น การไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่มีกากใย หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง ออกกำลังกายและควบคุมน้ำหนัก เพื่อลดโอกาสการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ในอนาคตได้

อาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้แก่

  1. การขับถ่ายผิดปกติ เช่น ท้องผูกสลับท้องเสีย อุจจาระลีบเล็กลง
  2. ถ่ายเป็นเลือด หรือมีมูกเลือดปนในอุจจาระ
  3. ปวดท้องเรื้อรัง แน่นท้อง ไม่สบายท้อง
  4. ท้องผูกเรื้อรัง รู้สึกถ่ายไม่สุด
  5. อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ

   มะเร็งลำไส้ระยะเริ่มต้น มักจะไม่มีอาการใดๆ เมื่อผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้อง ท้องผูก ถ่ายเป็นเลือด เบื่ออาหาร น้ำหนักลด มะเร็งมักจะเป็นมาก เริ่มเข้าสู่ระยะลุกลามไปแล้ว

การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่

   มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะเริ่มต้นรักษาได้ โอกาสหายขาดสูง แต่มะเร็งระยะลุกลามรักษาค่อนข้างยากกว่า อาจจะรักษาไม่หายขาด และมีโอกาสเสียชีวิตสูง ดังนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้จึงมีความสำคัญอย่างมาก

   ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ ผู้ที่ควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ได้แก่ คนทั่วไปทั้งผู้ชายและผู้หญิง ที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 45 - 50 ปีขึ้นไป

หากมีความเสี่ยงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น

  1. เคยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือเคยตรวจพบติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่มาก่อน
  2. มีสมาชิกในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือเคยตรวจพบติ่งเนื้องอกในลำไส้ใหญ่
  3. เป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง

ถือว่ามีความเสี่ยงมากกว่าปกติ ควรได้รับการตรวจคัดกรองเร็วขึ้น และถี่ขึ้นกว่าคนทั่วไป

การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ในผู้ที่มีข้อบ่งชี้ในการตรวจคัดกรอง สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น

  1. การตรวจหาเลือดในอุจจาระ ทุกปี
  2. การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนล่าง ทุก 5 - 10 ปี
  3. การเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์เพื่อคัดกรองมะเร็งลำไส้ ทุก 5 ปี
  4. การตรวจหา DNA ในอุจจาระ ทุก 1 - 3 ปี

   อย่างไรก็ตาม วิธีที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน และได้รับการยอมรับว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการในการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้แก่การการตรวจหาเลือดในอุจจาระทุกปี และการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนล่างทุก 5 - 10 ปี

การตรวจหาเลือดในอุจจาระ

   เป็นวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากในปัจจุบัน

ข้อดี

  1. ไม่ต้องทานยาระบายเตรียมลำไส้ สามารถเก็บอุจจาระแล้วตรวจได้เลย
  2. ค่าใช้จ่ายในการตรวจน้อยกว่า

ข้อจำกัด

  1. ความไวในการตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ต่ำกว่า ดังนั้นต้องตรวจทุกปี
  2. โอกาสตรวจเจอติ่งเนื้อหรือเนื้องอกระยะเริ่มต้นน้อยกว่า
  3. หากพบเลือดในอุจจาระ ต้องส่องกล้องทางเดินอาหารอีกครั้งเพื่อตรวจวินิจฉัยยืนยันต่อไป

การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนล่าง

   เป็นวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่มีประสิทธิภาพและมีความไวสูงที่สุดในปัจจุบัน

ข้อดี

  1. มีความไวในการตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่สูงที่สุดเพื่อเทียบกับการตรวจคัดกรองวิธีอื่น
  2. ไม่ต้องตรวจบ่อย หากผลปกติ ควรตรวจคัดกรองซ้ำอีกครั้ง ที่ 5-10 ปี หลังการตรวจครั้งแรก
  3. หากพบติ่งเนื้อหรือเนื้องอกในลำไส้ สามารถผ่าตัดหรือเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อด้วยการส่องกล้องออกได้เลย
  4. สามารถตรวจเจอติ่งเนื้อตั้งแต่ระยะที่ยังไม่กลายเป็นมะเร็ง และตัดออกเพื่อป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่

ข้อจำกัด

  1. ต้องทานยาระบายเพื่อเตรียมลำไส้ก่อนส่องกล้อง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการตรวจคัดกรอง
  2. ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการตรวจหาเลือดในอุจจาระ

   ทั้ง 2 วิธีที่ทั้งข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เหมาะสมกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหน ก็ไม่มีผิด ไม่มีถูก สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ต้องตรวจคัดกรอง และ หัวใจที่สำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอในการตรวจคัดกรอง

    ไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตเราจะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือไม่ แต่เราป้องกันได้ รักษาหายได้ ถ้าตรวจพบเร็ว

สนับสนุนข้อมูลโดย : นพ. พีระนาท โชติวิทยธารากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ศูนย์การแพทย์ :ระบบทางเดินอาหารและตับโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1745 ต่อ ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ

Go to top
Copyright © 2019 Bangpakok Hospital All rights reserved.